อัปเดต : 01/02/2021
โดย sakkarin

ภาษีขายของออนไลน์ ต้องเสียอะไรบ้าง คิดยังไง เสียอย่างไร (ล่าสุด 2564)

เมื่อเราเริ่มต้นในการมีรายได้จากการขายของออนไลน์ เราก็คงจะเริ่มมีความคิดเรื่องของการเสียภาษีกันบ้างใช่ไหมครับ

ดังนั้นเรามาเรียนรู้กันดีกว่าว่า ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง มีวิธีการคำนวณอย่างไร หรือเสียอย่างไร

เพราะการเสียภาษีนั้น เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์กำหนด ที่จะต้องเสียภาษีนั่นเองครับ

ใครต้องเสียภาษีขายของออนไลน์บ้าง?

ใครต้องเสียภาษีขายของออนไลน์บ้าง?

พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ และคนไทยที่มีรายได้ทุกคนต้องเสียภาษี หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด (150,000 บาทต่อปีขึ้นไป)

หรือสรุปง่ายๆคือ

  • กลุ่มผู้ที่จะได้รับการยกเว้นในการคิดอัตราภาษี คือกลุ่มที่รายได้สุทธิ (รายได้หลังหักลบจากค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนเป็นที่เรียบร้อย) เหลือไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี
  • ผู้ที่มีรายได้ตลอดทั้งปีรวมแล้วไม่เกิน 310,000 บาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 25,833 บาท เมื่อถูกหักค่าลดหย่อนส่วนตัวสูงสุด 160,000 บาท จะเหลือสัดส่วนเงินได้สุทธิที่ 150,000 บาทต่อปี ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีเช่นกันแม้รายได้จะเกิน 150,000 บาทต่อปี เพราะภาษีจ่ายตามรายได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่าย ไม่ได้ดูรายได้ทั้งหมด
  • ผู้ที่มีรายได้รวมตลอดทั้งปีมากกว่า 310,000 บาท หรือมากกว่าเดือนละ 25,833 บาท จะต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามระดับรายได้สุทธิ

*หากไม่ถึงเกณฑ์ก็ต้องยื่นให้สรรพากรตรวจสอบนะครับ

ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

1.ภาษีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล

โดยภาษีที่ต้องเสียแบ่งออกเป็น 2 แบบ

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : คือพ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ที่มีรายได้ทุกคน ต้องยื่น ซึ่งแม้จะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ก็ต้องยื่นแบบภาษีประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. เพื่อแสดงรายได้สะสมในช่วงปีที่ผ่านมา
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล : กรณีที่ร้านค้านั้นๆ มีการจดทะเบียนเป็นบริษัท

2.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

หากมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาท/ปี จะเรียกเก็บที่ 7 %

แล้วภาษี e-payment คืออะไร ต้องเสียไหม อย่างไร

ภาษี e-payment คืออะไร ต้องเสียไหม อย่างไร

ภาษี(e-Payment) นั้นไม่ใช่ภาษีแต่เป็นการส่งข้อมูลเจ้าของบัญชีให้ทางสรรพากรตรวจสอบ และไม่ได้ตรวจสอบทุกบัญชี

ลองมาดูเงื่อนไขกันว่าเมื่อไรธนาคารจะส่งข้อมูลให้สรรพากรจะตรวจสอบ

คุณจะถูกยื่นข้อมูล e-payment ให้สรรพากรตรวจสอบเมื่อไร

  • เมื่อมีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชี 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป ไม่ว่ายอดรวมทั้งหมดจะกี่บาทก็ตาม
  • ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน 400 ครั้งขึ้นไป และมียอดเงินรวมกันเกิน 2 ล้านบาท

*ไม่นับการโอนขาออกให้คนอื่น นับเฉพาะการรับเงินเข้ามา

ธนาคารจะส่งข้อมูลใดให้กรมสรรพากรบ้าง

  • เลขประจำตัวประชาชน
  • ชื่อ สกุล
  • เลขบัญชีเงินฝาก
  • จำนวนครั้งของการฝากหรือโอน
  • ยอดรวมจากการฝากหรือโอน

ซึ่งข้อมูลเพียงเท่านี้กรมสรรพากรไม่สามารถนำมาเก็บภาษีได้

แต่กรมสรรพากรจะนำมาประกอบกับข้อมูลส่วนอื่นๆ ที่มี และเรียกเฉพาะผู้ที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีเพื่อขอตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อขอตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าว

ดังนั้นถ้าเป็นแม่ค้าออนไลน์ ให้ทำบัญชี รายรับรายจ่าย เพื่อยื่นเป็นหลักฐานเมื่อถูกเรียก

สุดท้ายถ้าเราไม่อยู่ในเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อข้างต้น ก็เพียงแค่ยื่นภาษีแสดงรายได้ประจำปีปกติ เพราะปัจจุบันร้านค้าออนไลน์ก็ต้องยื่นภาษีเป็นปกติอยู่แล้ว

คำนวณอย่างไรว่าต้องเสียภาษีขายของออนไลน์เท่าไร

คำนวณอย่างไรว่าต้องเสียภาษีขายของออนไลน์เท่าไร

1.หารายได้สุทธิ

นำรายได้ที่ได้รับตลอดทั้งปีมาหักค่าใช้จ่าย แยกตามประเภทของรายได้ และหักค่าลดหย่อนตามรายการต่างๆ และตามรายการที่ได้ใช้จ่ายไปจริง

ค่าลดหย่อนต่างๆหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Google เลยครับเราจะไม่ลงลึกมากไปเพราะแต่ละปีแตกต่างกัน

เราก็จะได่จำนวนเงินได้สุทธิ ซึ่งจะใช้ในการคำนวณการเสียภาษีแบบขั้นบันได

*ถ้าเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี

2.คำนวณภาษีที่ต้องเสีย ตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

นี่คือตารางอัตราภาษีที่ต้องเสียแบบขั้นบันใด ตามจำนวนรายได้สุทธิที่เราได้รับในแต่ละปี

อัตราภาษีขายของออนไลน์

ตัวอย่างการคำนวณภาษี

นาย A เป็นหนุ่มโสด ทำงานประจำและขายของออนไลน์ มีรายได้ปีละ 300,000 บาท จ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพปีละ 100,000 บาท ทำประกันชีวิตไว้โดยจ่ายเบี้ยประกันปีละ 12,000 บาท บริจาคเงิน 3,000 บาท

สามารถคำนวณการเสียภาษีได้ดังนี้

รายได้ตลอดทั้งปี 300,000 บาท

หักค่าใช้จ่าย (40% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 60,000) 60,000 บาท

ค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท

ค่าเบี้ยประกันชีวิต 12,000  บาท

เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 18,000  บาท

เหลือ 180,000  บาท

หักเงินบริจาคตามที่จ่ายจริง 3,000  บาท

เงินได้สุทธิก่อนเสียภาษี 177,000 บาท

นาย A ต้องเสียภาษีดังนี้

เงินได้ 150,000 บาทแรกยกเว้นภาษี

ที่เหลือ 27,000 บาทนำไปคำนวณภาษีภาษีที่ต้องจ่าย (ที่เกินจาก 150,000 บาท)

โดยอยู่ในช่วงอัตรา ภาษี 5% (ระหว่าง 150,001 บาท- 300,000 บาท)

ดังนั้นนาย A ต้องเสียภาษี 27,000*5% = 1,350 บาท

ควรเริ่มต้นเตรียมตัวเสียภาษีขายของออนไลน์อย่างไร

ควรเริ่มต้นเตรียมตัวเสียภาษีขายของออนไลน์อย่างไร
  • ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้
  • เก็บหลักฐานทุกอย่าง เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการค้า การทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งการซื้อขายและกับธนาคาร
  • ศึกษาเรื่องภาษีให้ละเอียด เช่น ร้านค้าของคุณเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วหรือไม่ ฯลฯ

สรุปขายของออนไลน์เสียภาษีอะไรบ้าง

ภาษีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคค

เพียงแค่ยื่นภาษีแสดงรายได้ประจำปีปกติ เพราะปัจจุบันร้านค้าออนไลน์ก็ต้องยื่นภาษีเป็นปกติอยู่แล้ว หากรายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

หากมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาท/ปี จะเรียกเก็บที่ 7%

ที่มา 1 2 3

อยากอ่านบทความแบบนี้อีกไหม ? เพิ่มเพื่อน LINE เราเลย

เพื่อรับบทความใหม่ๆก่อนใคร หรือถามคำถามที่สงสัย
แชร์
หากชอบบทความนี้ฝากกดแชร์ต่อให้เพื่อนๆได้อ่านด้วยนะครับ
โพสที่เกี่ยวข้อง

การแสดงความเห็นถูกปิด

© 2020 Mustketing All Rights Reserved.