หากคุณเป็นมือใหม่ที่เพิ่งจะใช้งาน WordPress อาจจะสงสัยว่า Post และ Page คืออะไร แตกต่างกันยังไง จะใช้งานอันไหนดี ? คำถามนี้ผมก็เคยสงสัยครับ ก็มันดูเหมือนจะใช้ได้สร้างหน้าเว็บได้เหมือนกันทั้งคู่นี่ แล้วเราจะใช้อันไหนดีนะ 5555 ไม่ต้องกังวลครับในบทความนี้ผมจะมาอธิบายให้ฟังกันว่ามันใช้งานยังไง
Post คือบทความต่างๆของเว็บไซต์ ซึ่งบทความต่างๆที่คุณเขียนลงใน Post จะถูกนำไปรวมอยู่หน้าเว็บที่เรียกว่าบล็อก (ฺBlog) ที่เรียงตามลำดับเวลาที่ถูกเพิ่มล่าสุด
ก่อนอื่นเอาเมาส์ไปชี้ไปที่เมนู Post จากนั้นกด Add New
และนี่คือหน้าตาของการสร้าง Post ซึ่งผมจะขอแนะนำเมนูต่างๆที่ใช้บ่อยๆในการสร้าง Post กันครับ
1. Add title : เมนูนี้ใช้ในการตั้งชื่อบทความของเราที่ต้องการเขียน
2. Start writing or type / to choose a block : ด้านล่างหัวข้อเราจะเจอกับช่องว่างในการให้เราเขียนสิ่งต่างๆเกี่ยวกับบทความของเรา เช่น ใส่รูปภาพ ใส่วิดีโอ ใส่ข้อความต่างๆ เราสามารถทำได้ในตำแหน่งนี้
3. Permalink : คือสิ่งที่ใช้ในการกำหนดลิงก์ URL สำหรับ Post ของเรา
4. Categories : คือสิ่งที่ใช้ในการสร้างหมวดหมู่ให้แก่บทความของเรา
5. Tags : คือสิ่งที่ใช้ในการติดแท็กให้แก่บทความของเรา
6. Featured image : คือสิ่งที่ใช้ในการตั้งรูปภาพประจำ Post ของเรา
7. Excerpt : คือสิ่งที่ใช้ในการเขียนเกริ่นนำเกี่ยวกับ Post ของเรา
8. Publish : ใช้ในการเผยแพร่บทความให้เป็นแบบสาธารณะให้ผู้คนเข้ามาชมได้ หากเราไม่กด Publish หน้าเว็บของเราจะอยู่ในฉบับร่างคนอื่นจะมองไม่เห็น
เราควรใช้ Post เวลาที่ต้องการเขียนบทความต่างๆลงในเว็บของเรา
เช่น หากคุณทำเว็บเกี่ยวกับรองเท้า คุณอาจจะอยากเขียนบทความให้ความรู้ในการดูแลรองเท้า คุณก็ใช้ Post ในการเขียนบทความนั้นขึ้นมานั่นเองครับ
Page คือหน้าเว็บต่างๆที่ไม่ได้เป็นบทความ เช่น หน้าติดต่อเรา , หน้า Home , หน้าเกี่ยวกับเรา , หน้า Blog
ก่อนอื่นไปที่เมนู Pages จากนั้นกด Add New
และนี่คือหน้าตาของการสร้าง Page ซึ่งผมจะขอแนะนำเมนูต่างๆที่ใช้บ่อยๆในการสร้าง page
1. Add title : คือสิ่งที่ใช้ในการตั้งชื่อหัวข้อสำหรับ Page ของเรา เช่น ติดต่อเรา , หน้าแรก , เกี่ยวกับเรา
2. Start writing or type / to choose a block : คือสิ่งที่ใช้สำหรับเพิ่มเนื้อหาต่างๆลงในหน้า Page ของเราเช่น รูปภาพ ตัวอักษร หัวข้อ
3. เมนู + : ใช้ในการเพิ่มสิ่งต่างๆลงในหน้า page ของเรา เมื่อเรากดจะมีให้เราเลือกว่าจะเพิ่มอะไรลงในหน้า page เช่น รูปภาพ แกลลอรี่ หัวข้อ และอื่นๆอีกมากมาย
4. Permalink : ใช้ในการกำหนดลิงก์ URL แก่ Page ของเรา
5. Featured image : ใช้ในการใส่รูปประจำ Page ของเรา
6. Publish : ใช้เมื่อเราต้องการเผยแพร่ page ของเราแบบสาธารณะ
เราควรใช้ Page ในการสร้างหน้าเว็บต่างๆที่ไม่ได้เป็นบทความ เช่น หน้าแรก , หน้าติดต่อเรา , หน้าเกี่ยวกับเรา , หน้า BLOG (หน้ารวมบทความ) , หน้านโยบายการคืนเงิน , หน้านโยบายความเป็นส่วนตัว
นี่คือความแตกต่างของ post และ page ที่สำคัญๆที่คุณควรรู้
หากคุณใช้ Post คุณสามารถใช้เครื่องมือ Category และ Tag เพื่อใช้ในการจัดหมวดหมู่บทความได้ ซึ่งเครื่องมือนี้จะไม่มีให้ใช้หากคุณใช้ Page ในการสร้างหน้าเว็บ
RSS Feed ช่วยให้ผู้อ่านสมัครรับเนื้อหาของคุณโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า RSS reader
RSS Feed จะแสดงเฉพาะ Post ของไซต์ของคุณ ซึ่งมันไม่ได้รวมถึง Page สิ่งนี้มีเหตุผลเนื่องจาก RSS Feed ช่วยให้ผู้อ่านสมัครรับบทความล่าสุดของคุณ ดังที่คุณได้เรียนรู้ข้างต้นว่า Post มีไว้สำหรับเขียนบทความต่างๆ ในขณะที่ Page มีไว้สำหรับสร้างหน้าเว็บต่างๆ
หากคุณสนใจใช้ RSS Feed แนะนำให้ใช้ปลั๊กอิน → Feedzy
ใน post คุณสามารถไปที่เมนู Status & visibility > Post Format จากนั้นคุณสามารถเลือก format หรือรูปแบบของ post ได้ เช่น หากคุณจะให้เนื้อหา post ของคุณเป็นวิดีโอ ก็เลือก Video หากต้องการให้เนื้อหา post ของคุณเป็นคลิปเสียงก็เลือก Audio
ซึ่งเมนูนี้ผมไม่ได้ใช้เลยครับเพราะผมเขียนเป็นบทความล้วนๆ ถ้าจะลงคลิปก็เอาไปลงใน Youtube แล้วค่อยมาฝังเอาจะดีกว่านะสำหรับผม
เนื่องจาก page ไม่ได้ออกมาให้เราใช้ในการเขียนเนื้อหาหรือบทความต่างๆดังนั้นในหน้า page ตามค่าเริ่มต้นของธีม wordpress จะไม่ใส่ผู้เขียนและวันที่เผยแพร่ลงในหน้า page ซึ่งแตกต่างกับ post ที่จะมีใส่ไว้ให้นั่นเอง
Post มีไว้สำหรับการเขียนบทความหรือเนื้อหาต่างๆ มีหมวดหมู่ ชื่อผู้เขียน เวลาที่เขียน เช่น วิธีการดูแลรักษารองเท้า
Page มีไว้สำหรับสร้างหน้าเว็บแบบคงที่ ไม่มีหมวดหมู่ ไม่มีชื่อผู้เขียน ไม่แสดงเวลาเขียน เช่น หน้าติดต่อเรา , หน้าเกี่ยวกับเรา , หน้า Home