บทความนี้เราจะพาคุณไปเลือกโฮสติ้ง WordPress ที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณกัน!! หากคุณอ่านบทความนี้จบรับรองคุณจะได้โฮสติ้งที่ดีที่สุดแน่นอน เพราะนี่คือบทความที่ละเอียดที่สุดแล้ว
โฮสติ้งนั้นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญมากที่สุดของทุกเว็บไซต์ ซึ่งการเลือก โฮสติ้ง WordPress ที่ดีที่สุดจะช่วยปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์ของเรา ซึ่งจะช่วยเพิ่ม ยอดขาย รายได้ และผู้เข้าชมที่มากขึ้นให้กับเว็บของเรา
โฮสติ้ง WordPress นั้นมีหลากหลายประเภทให้เลือก เช่น Share Hosting , VPS Hosting , Cloud Hosting
ซึ่งบทความนี้เราจะนำผลการทดสอบ Hosting wordpress เจ้าดังๆที่มีชื่อเสียงถึง 17ผู้ให้บริการ จากการใช้งานจริงกว่า 90 วันมาเปรียบเทียบประสิทธิภาพให้ดูกันไปเลยว่าใครจะอยู่ใครจะไปแบบไม่มโน!!
โฮสติ้ง WordPress นั้นจะมีหลากหลายประเภทแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันไป โดยปัจจัยสำคัญในการเลือกประเภทโฮสติ้ง WordPress ก็คือ ราคา ประสิทธิภาพ และความยากง่ายในการใช้งาน ซึ่งเราก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการของเรา
Shared hosting คือ โฮสติ้งที่ใช้ร่วมกันกับคนอื่น เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ระดับเริ่มต้น
นี่คือที่ที่เว็บไซต์ของคุณจะถูกจัดเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์เดียวกันกับเว็บไซต์ของคนอื่นๆ โดเมนทั้งหมดจะแชร์ทรัพยากรจากเซิร์ฟเวอร์เดียวกันเช่น RAM และ CPU เนื่องเป็นการแชร์ทรัพยากรกับคนอื่นๆดังนั้นค่าใช้จ่ายของ Shared hosting จึงค่อนข้างต่ำ ก็เลยเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือคนทั่วไปที่อยากมีเว็บเว็บเป็นของตัวเอง Shared hosting ก็เป็นโฮสติ้ง WordPress ที่ดี ในการเริ่มต้น
แต่ข้อเสียสำคัญของ Shared hosting เลยก็คือคุณกำลังใช้งานเซิร์ฟเวอร์ร่วมกับเจ้าของเว็บไซต์รายอื่นๆ ซึ่งหากคนเข้าเว็บของคุณเยอะๆก็อาจส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เช่น เว็บช้า เว็บล่ม Shared hosting จึงเหมาะสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่มีการเข้าชมเว็บจำนวนไม่มากนั่นเอง
(คลิกด้านล่างนี้เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
Virtual Private Server (VPS) คือ เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวแบบเสมือนจริง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานระดับกลางถึงสูงเพราะต้องมีความรู้ทางเทคนิคในการปรับแต่ง Server
อธิบายการทำงานของ VPS โฮสติ้ง ง่ายๆก็คือเป็นการนำเซิฟเวอร์จริงๆ 1 เครื่อง มาจำลองการทำงานให้เหมือนเป็นเซิฟเวอร์จริงๆหลายๆเครื่อง แล้วนำมาขายให้กับคนที่ต้องการซื้อ
ข้อแตกต่างสำคัญของ VPS hosting กับ Shared hosting ก็คือ
VPS hosting เราไม่ต้องแชร์ทรัพยากรณ์ร่วมกับคนอื่น เราจะได้สเปคตามที่เราสั่งซื้อ แต่ Shared hosting ทรัพยากรณ์ทุกอย่างจะแบ่งให้ทุกคนได้ใช้ หากคุณใช้น้อยคนอื่นใช้เยอะเว็บของคุณก็จะช้าอยู่ดีนั่นเอง
และข้อที่สำคัญหาก VPS ตัวใดตัวหนึ่งเกิดเสียหาย จะไม่มีผลต่อการทำงานของ VPS ตัวอื่นๆ ในระบบ ด้วยเหตุนี้ VPS จึงมีประสิทธิภาพสูง และความเสถียรมากกว่า Shared Hosting เพราะไม่ต้องแบ่งการใช้งานกับใครเช่นการใช้บริการ Shared Hosting นั่นเอง นอกจากนี้ VPS ยังมีความ ยืดหยุ่นกว่า Shared Hosting เพราะสามารถปรับเปลี่ยน Configurations ของซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้ตรงตามกับความต้องการใช้งาน
(คลิกแล้วเลือกเมนู VPS)
Dedicated Hosting คือ โฮสติ้งที่คุณเป็นเจ้าของเซิฟเวอร์แต่เพียงผู้เดียว 100 % เหมาะสำหรับผู้ใช้ wordpress ระดับสูงที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์จำนวนมาก เช่น หลักแสนถึงล้านคนต่อเดือน
Dedicated Hosting ช่วยให้คุณสามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างเต็มที่ เช่น การเลือกระบบปฏิบัติการ ฮาร์ดแวร์ ฯลฯ เมื่อไซต์ของคุณได้รับการเข้าชมจำนวนมาก คุณควรพิจารณาอัปเกรดเป็น Dedicated Hosting
แต่สิ่งสำคัญก็คือเราก็ต้องมีความรู้ด้านการปรับแต่งเซิฟเวอร์ หรือต้องอาจจ้างผู้เชี่ยวชาญในการปรับแต่ง Dedicated Hosting ให้ใช้งานได้ดีกับเว็บไซต์ wordpress ของเรา ซึ่งแน่นอนราคามันจะสูงมาก หากคุณไม่ใช่ธุรกิจขนาดใหญ่จริงๆก็แนะนำไปใช้ โฮสติ้ง wordpress แบบอื่นดีกว่าครับ
(คลิกแล้วเลือกเมนู Hosting→Dedicated Servers)
Cloud Hosting คือ เซิร์ฟเวอร์เสมือนเช่นเดียวกับ VPS Hosting เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปถึงระดับสูง ในปัจจุบันเป็นที่นิยมมากในผู้ใช้งานทุกระดับ
ข้อแตกต่างสำคัญของ Cloud Hosting กับ VPS Hosting คือ
Cloud Hosting เป็นการทำงานร่วมกันของเซิร์ฟเวอร์จริงๆจำนวนมากช่วยแบ่งกันทำงาน เซิร์ฟเวอร์จึงไม่ทำงานหนักเกินไป ที่สำคัญด้วยการที่มีหลายเซิร์ฟเวอร์ ทำให้มีระบบ Redundant หากเซิร์ฟเวอร์เครื่องใดเสียใช้งานไม่ได้ เซิร์ฟเวอร์เครื่องอื่นก็ยังสามารถทำงานต่อไปได้ ส่วน VPS Hosting จะทำงานอยู่บนเซิร์ฟเวอร์เครื่องเดียวหากพักก็จบเลย
นึกภาพง่ายๆคือ Cloud Hosting นำเซิฟเวอร์จริงๆ หลายๆเครื่องมาจัดสรรทรัพยากรให้เรา
แต่ VPS Hosting ใช้เซิฟเวอร์จริงๆ แค่เครื่องเดียวมาจัดสรรทรัพยากรให้เรานั่นเอง
Managed WordPress hosting คือ โฮสติ้งที่ถูกปรับแต่งเซิฟเวอร์เพื่อใช้งานกับ WordPress โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางและขนาดใหญ่
เนื่องจากมีผู้ใช้จำนวนมากที่ใช้ WordPress ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งหลายรายจึงสร้างโฮสติ้งที่ปรับแต่งเซิฟเวอร์สำหรับ WordPress โดยเฉพาะ ซึ่ง Hostingประเภทนี้สามารถใช้งานกับ WordPress ได้เท่านั้น
จุดเด่นของ Managed WordPress hosting คือคุณไม่ต้องมีความรู้อะไรเลยในการปรับแต่งเซิฟเวอร์ เพราะผู้ให้บริการปรับแต่งทุกอย่างที่ดีที่สุดสำหรับ wordpress ไว้ให้คุณแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Managed WordPress hosting เป็นโฮสติ้ง WordPress ที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยากพร้อมการสนับสนุนคุณภาพสูงจากพนักงานที่มีประสบการณ์สูงในการใช้งาน WordPress
แม้ว่าทุกอย่างจะฟังดูดีไปหมด แต่ราคาของ Managed WordPress hosting ก็สูงตามคุณภาพเช่นกัน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการโฮติ้ง wordpress คุณภาพสูงที่หาเงินได้จากการสร้างเว็บไซต์ถึงจะคุ้มค่ากับการใช้งาน
คนที่ทำเว็บทั่วไป มีงบน้อย ไม่ซีเรียสด้านความเร็วและประสิทธิภาพ
เหมาะสำหรับทำเว็บทุกประเภท มีงบปานกลาง ต้องการโฮสติ้งที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูง
คนที่หารายได้ด้วยเว็บไซต์ , สร้างเว็บสำหรับธุรกิจ หรือองค์กรณ์ มีงบสูง ต้องการโฮสติ้งที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด
นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกโฮสติ้ง wordpress ทุกครั้ง ควรคำนึงถึงปัยจัยต่อไปนี้เสมอก่อนทำการสั่งซื้อ
จำนวนผู้เข้าเว็บต่อเดือนนั้นจะขึ้นอยู่กับ bandwidth ที่ผู้ให้บริการโฮสติ้งมีให้ซึ่งก็จะแตกต่างไปตามแพ็คเกจราคาที่เราเลือก
ไปที่หน้าราคาของผู้ให้บริการโฮสติ้งที่คุณจะซื้อ แล้วดูในช่อง Bandwidth ว่าให้มาเท่าไร
จากภาพนี้ให้มา 1TB ซึ่งเท่ากับ 1000 GB
จากนั้นเราก็นำ Bandwidth มาหารกับขนาดหน้าเว็บไซต์ของเรา (ซึ่งผมจะยกเอาค่าเฉลี่ยจากข้อมูลของ Pingdom.com ที่วัดค่าเฉลี่ยเว็บทั่วไปได้ที่ 1.4 MB)
แปลง 1000 GB ให้เป็น MB จะได้ 1,000,000 MB หารกับ 1.4 MB = 714,285 นี่คือจำนวนคร่าวๆว่าเว็บเรารองรับจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดได้กี่ครั้งต่อเดือน (ย้ำว่าครั้ง หากคนเดียวเปิดหลายครั้งก็ลดไปเรื่อยๆ ไม่ได้วัดที่จำนวนคนแต่วัดจากจำนวนครั้งที่เปิดหน้าเว็บ)
บางคนอาจจะต้องการสร้างหลายๆเว็บไซต์ก็ควรคำนึงถึงจุดนี้ไว้ก่อนการสั่งซื้อ ซึ่งเหมือนเดิมครับดูได้ที่หน้าราคาก็จะแจ้งรายละเอียดไว้ว่าติดตั้งได้สูงสุดกี่เว็บไซต์
(บางที่อาจใช้คำว่า โดเมน , Application Installation ก็คือความหมายเดียวกัน)
หากคุณเป็นมือใหม่แล้วไปซื้อโฮสติ้ง wordpress หากติดตั้งได้ยากมากๆก็คงจะมีปัญหาในการใช้งานได้
วิธีการคือลองไปหาข้อมูลใน Google ดูว่าโฮสติ้งที่คุณจะซื้อมีใครสอนวิธีการติดตั้ง wordpress ไว้หรือไม่ เพราะหากไม่มีแสดงว่าคุณต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งอาจทำได้ยากสำหรับคนที่ไม่เคยทำนั่นเอง
หากคุณไม่อยากมานั่งปวดหัวหาวิธีการติดตั้ง แนะนำกดดูคลิปนี้เลยครับผมสอนไว้ครบทุกอย่าง ตั้งแต่การจดโดเมน การเช่าโฮสติ้ง การติดตั้ง wordpress
ความเร็วในการแสดงผลของหน้าเว็บนี่คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆของการทำเว็บไซต์ เราควรดูจุดนี้ก่อนทุกครั้งก่อนที่จะใช้โฮสติ้งกับเจ้าไหน
อ้างอิงจาก Google / SOASTA Research, 2017 พบว่าผู้ใช้ที่เปิดหน้าเว็บบนมือถือมีพฤติกรรมต่อไปนี้:
*อัตราตีกลับ คือ ค่าที่บอกว่าผู้เข้าชมเว็บเปิดหน้าเว็บของคุณแค่หน้าเว็บเดียวแล้วออกทันที ซึ่งอาจตีความได้ว่าคนทนรอหน้าเว็บที่โหลดนานๆไม่ได้แล้วกดออกทันทีได้เช่นกัน
ดังนั้นสรุปง่ายๆ:
ว่าคุณก็แค่เลือกโฮสติ้ง wordpress ที่จะทำให้เว็บของคุณโหลดหน้าเว็บได้ต่ำกว่า 3 วินาที ก็จะดีที่สุด
ซึ่งคุณสามารถศึกษาจากบทความนี้ได้ครับ → 17 โฮสติ้งไหนดีที่สุด
แน่นอนว่านี่คือปัจจัยอย่างหนึ่งในการเลือกโฮสติ้ง wordpress แต่ผมยกมาเป็นอันดับสุดท้ายก็เพราะว่าผมไม่แนะนำให้โฟกัสไปที่ราคามากเกินไป ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพ และความเหมาะสมในการใช้งานให้ตรงกับจุดประสงค์ในการสร้างเว็บไซต์ของคุณจะดีกว่า
เช่น คุณจะสร้างเว็บขององค์กร แต่ใช้แชร์โฮสติ้งที่ช้าๆไม่มีประสิทธิภาพ เวลาลูกค้าเข้าเว็บก็จะดูไม่น่าน่าเชื่อถืออาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์องค์กรได้
ดังนั้นก็ลองเลือก hosting ให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งาน แล้วมาพิจารณาเรื่องราคาว่าเจ้าไหนถูกสุด แบบนี้จะดีกว่าครับ
ผมเคยเขียนบทความเปรียบเทียบประสิทธิภาพโฮสติ้ง wodpress ไว้ในบทความนี้ → 17 โฮสติ้งที่ดีที่สุด
ซึ่งเป็นการทดสอบใช้งาน 17เว็บ Hosting เจ้าดังๆกว่า 90วัน แล้วนำผลลัพธ์มาสรุปให้คุณได้เห็นชัดๆไปเลยว่าโฮสติ้งไหนดีที่สุด
และนี่คือบทสรุป 3 อันดับแรกครับ
การติดตั้ง wordpress นั้นก็จะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ ซึ่งหากคุณใช้งาน Cloudways (เว็บผมใช้โฮสกับเจ้านี้) ผมก็มีคลิปสอนติดตั้งและการใช้งานอื่นๆแบบละเอียดให้ฟรีๆ ดูได้ด้านล่างนี้เลย