ในบทความนี้เราจะมาสอน วิธีสร้างเว็บขายของออนไลน์ แบบละเอียดทุกขั้นตอน คุณไม่ต้องมีความรู้อะไรเลยเริ่มต้นจาก 0 ก็สามารถทำตามได้ทันที
ทำไมคุณควรทำเว็บขายของออนไลน์ ?
เพราะปัจจุบันมีคนไทย 34.80 ล้านคน ซื้อของออนไลน์ (อ้างอิงข้อมูลจาก hootsuite ในปี 2020)
มันเยอะแค่ไหน?
ลองเทียบกับจำนวนคนไทย 69 ล้านคน นั่นมันก็เท่ากับว่าคนครึ่งประเทศคือคนที่คุณมีโอกาสขายของให้กับพวกเขาได้ นี่ยังไม่รวมต่างชาติที่เราก็สามารถขายสินค้าต่างๆให้เขาได้เช่นกัน เพราะในปัจจุบันมีบริการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศแล้ว
สารบัญ
กดเลือกหัวข้อเพื่อข้ามไปอ่านได้ทันที
ขั้นตอนที่ 1
ขั้นตอนที่ 2
ขั้นตอนที่ 3
หากคุณชอบดูเป็นคลิปกดดูได้เลยที่นี่ครับ (เนื้อหาบางอย่างในคลิปจะไม่มีในบทความนี้ ดังนั้นแนะนำให้อ่านบทความด้วยนะครับ)
ขั้นตอนที่ 1
สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือการจด Domain เพื่อใช้มันเป็นที่อยู่ของเว็บไซต์ของเรานั่นเอง
ตัวอย่างเช่นโดเมนที่คุณน่าจะรู้จัก: google.com นี่แหละที่เรียกว่าโดเมน
โดนเมน (หรือ Domain) คือที่อยู่ของเว็บไซต์ของเราที่ให้ผู้คนสามารถค้นหาและเจอเว็บของเราได้ ประกอบด้วยชื่อโดเมนและนามสกุลโดเมน
เช่น google.com ชื่อโดเมนคือ google นามสกุลโดเมนคือ .com
เราสามารถตั้งชื่อโดเมนว่าอะไรก็ได้ตามต้องการ แต่นี่คือคำแนะนำในการตั้ง
มีผู้ให้บริการมากมายในการจดโดเมน เราควรเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ และราคาถูก
ซึ่งไม่ต้องกังวลผมได้ทำการเปรียบเทียบผู้ให้บริการจดโดเมนจำนวนหลายเจ้าและนี่คือผู้ให้บริการที่ดีที่สุดแล้ว
สำหรับผู้ให้บริการจดโดเมนที่ผมแนะนำที่สุดชื่อว่า Namecheap เพราะเป็นผู้ให้บริการโดเมนที่มีชื่อเสียง ราคาถูก และแถมบริการ WhoisGuard ให้ฟรี
WhoisGuard คืออะไร ?
WhoisGuard คือบริการที่ปกป้องข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ ไม่ให้คนอื่นสามารถนำชื่อโดเมนของคุณไปค้นหาเพื่อดูข้อมูลต่างๆ เช่น ชื่อ-นามสกุล อีเมล เบอร์โทร ผ่านทางเว็บ https://who.is/ ได้
หากคุณจดโดเมนกับเจ้าอื่นที่ไม่ใช่ Namecheap จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 300-400 บาทอีกในภายหลัง
ซึ่งหากคุณจดกับ Namecheap จะเสียค่าจดโดเมนแค่ 280 บาทต่อปี ก็ได้ทั้งโดเมนและบริการ WhoisGuard ฟรีในตัว
คุ้มสุดๆไปเลย นั่นแหละผมจึงแนะนำเจ้านี้ให้คุณ
จากนั้นกดที่ Domains
ให้คุณพิมพ์ชื่อโดนเมนที่ต้องการลงในช่องค้นหา จากนั้นกด Search
หากชื่อโดนเมนไม่มีคนตั้งก็จะขึ้นกาถูกสีเขียว (หากขึ้นกากบาทแปลว่ามีคนใช้แล้วให้คิดชื่อโดเมนใหม่)
คุณสามารถเลือกนามสกุลโดเมนได้ แต่ถ้าให้ผมแนะนำควรเลือก .com
จากนั้นให้คุณกด Add to cart
และกด Checkout
เราต้องทำการเลือกอายุโดเมนที่เราต้องการจดว่าจะจดกี่ปี
เพราะการจดโดเมนเราจะไม่ได้ถาวร เราต้องเสียค่าบริการเป็นรายปีที่ราคา 9.06$ต่อปี หรือประมาณ 280บาทต่อปี
กดเลือก 1 Years และเปิด AUTO-RENEW
กด ENABLE และเปิด AUTO-RENEW
(AUTO-RENEW คือการต่ออายุอัตโนมัติเมื่อถึงกำหนด 1 ปี ดีกว่าการชำระล่วงหน้าทีเดียวหลายๆปี)
จากนั้นกด Confirm Order
ต่อไปเราก็ต้องทำกรอกข้อมูลเพื่อใช้ในการจด domain และสมัครสมาชิก Namecheap
ก็ให้เรากรอกข้อไปต่อไปนี้ให้ครบทุกช่อง จากนั้นกด Create Account and Continue
เมื่อมาหน้านี้ให้กด Continue
จากนั้นระบบจะแจ้งให้เรากรอกข้อมูลที่สำคัญๆต่างๆ ข้อสังเกตคือเราต้องกรอกข้อมูลในช่องที่มีคำว่า REQUIRED
ก็ให้คุณกรอกข้อมูลให้ครบทุกช่อง
ที่คุณอาจจะกรอกไม่เป็นคือช่อง Phone Number ให้เลือก +66 ตามด้วยเบอร์ของคุณโดยตัดเลข 0 ออก
หลังกรอกครบทุกช่องกด Continue
ระบบจะสรุปข้อมูลต่างๆให้ตรวจสอบความถูกต้องให้เรากด Continue
เราต้องทำการกรอกบัตรเครติดเพื่อชำระเงินค่าโดเมน
หากคุณไม่มีบัตรเครดิตบางทีบัตร ATM ก็ใช้หากให้คุณไปดูหากบัตรคุณมีเครื่องหมาย VISA หรือ MasterCard ก็ใช้ได้เช่นกัน
ก็ให้คุณนำข้อมูลของบัตรมากรอก ได้แก่ชื่อ และ หมายเลขบัตร
จากนั้นกด Continue
ระบบจะสรุปรายการให้ดูอีกทีให้เรากด Pay Now เพื่อชำระเงิน
เท่านี้คุณก็จดโดเมนเสร็จแล้ว
ขั้นตอนที่ 2
Hosting คือสิ่งจำเป็นอันดับสองในการสร้างเว็บไซต์ที่ไม่มีไม่ได้ในหัวข้อนี้เราจะไปทำความรู้จักมันว่าคืออะไร และจะสอนวิธีการใช้แบบละเอียดด้วย
จากนั้นเราก็ต้องทำการติดตั้ง WordPress ลงไปใน Hosting ของเรา ซึ่งผมจะพูดถึงแบบละเอียดในด้านล่างนี้เช่นกัน
โฮสติ้ง (หรือ Hosting) คือบริการในการเก็บไฟล์หรือข้อมูลต่างๆ เช่น รูปภาพ ตัวอักษร หรือหน้าเว็บสินค้าต่างๆทั้งหมดของเราลงบนคอมพิวเตอร์พิเศษที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์
เมื่อผู้ใช้งานต้องการดูเว็บไซต์ของเรา เขาก็พิมพ์ชื่อโดเมนเว็บของเราลงในเบราว์เซอร์ (เช่น Google chome) จากนั้นคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานก็จะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์หรือ hosting ของคุณที่เช่าไว้ และหน้าเว็บก็จะถูกส่งให้พวกเข้าได้เห็นนั่นเอง
WordPress (หรือเวิร์ดเพรสส์) เป็นระบบการจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ที่เรียกว่า Content Management System (หรือ CMS) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีเว็บไซต์มากกว่า 36.2% บนโลกอินเทอร์เน็ตใช้ WordPress ในการสร้าง
และที่สำคัญคือทุกคนสามารถใช้หรือแก้ไขซอฟต์แวร์ WordPress ได้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไรเกี่ยวกับโค้ดหรือการเขียนโปรแกรมเลย
เช่นเดียวกับการจดโดเมนโฮสติ้งนั้นมีให้เราเลือกใช้ได้มากมายหลากหลายผู้ให้บริการ เราจึงควรเลือกเจ้าที่มีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ
เพราะการเลือก hosting ที่ราคาถูกแต่ไร้คุณภาพคุณจะต้องเสียใจภายหลังเพราะจะเจอปัญหาต่างๆมากมาย เช่น เว็บช้า เว็บล่ม เว็บโดนไวรัสมัลแวร์
ดังนั้นผมจึงได้คัดเลือก hosting ที่ดีและมีชื่อเสียงมากๆแถมยังราคาไม่แพงมาให้คุณ ก็คือผู้ให้บริการโฮสติ้งที่ชื่อว่า Cloudways
ทำไมจึงแนะนำ Cloudways ?
ดังนั้นอย่ารอช้าไปดูวิธีการกันเลย
เมื่อเข้าแล้วให้กด START FREE
เราสามารถทดลองใช้ Hosting กับ Cloudways ได้ฟรี 3 วัน
ให้คุณกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนต่อไปนี้
พิเศษแจกคูปองส่วนลดใช้ฟรี 3 เดือน !! (มูลค่ากว่า 900บาท) ในช่อง Got a promo Code กรอก : HA30
ถ้าขึ้นเครื่องหมายกาถูกแบบนี้แสดงว่าโค้ดใช้งานได้ (ดูการอัพเกรดเพื่อใช้งานฟรีแบบละเอียดได้ที่ขั้นตอนที่ 8)
เมื่อเรามาหน้านี้กด START NOW จากนั้นเว็บจะแจ้งให้เราไปยืนยันอีเมลก่อน
ก็ให้เราเข้าไปยังอีเมลที่ใช้สมัคร จากนั้นจะเจออีเมลแบบนี้ส่งมา ให้เรากด Activate Account
ต่อไปเราก็ต้องเลือกแพ็คเกจ hosting และติดตั้ง WordPress ให้คุณตั้งค่าตามนี้
สุดท้ายกด LAUNCH NOW
จากนั้นระบบจะบอกให้เรารอประมาณ 7 นาทีเพื่อติดตั้ง Server
เมื่อครบ 7 นาทีก็มาทำขั้นต่อไปกันเลย
ขั้นตอนที่ 3
โดเมนกับโฮสติ้งต้องทำงานร่วมกันจึงจะทำให้เว็บของเราใช้งานได้ เราจึงจะต้องเชื่อมต่อมันเข้าด้วยกัน ซึ่งผมจะมาสอนในหัวข้อนี้แบบง่ายๆทำตามได้เลย
1. ไปยังผู้ให้บริการจดโดเมน
ให้เข้าไปที่เว็บ NameCheap
จากนั้นกดไปที่ Account
2. ยืนยันอีเมล
กดไปที่ Domain List
กด VERIFY CONTACTS
จากนั้นเข้าไปที่กล่องอีเมลของคุณ
จะเจออีเมลแบบนี้ ให้กด Click here to verify your email address
3. ตั้งค่าโดเมน
จากนั้นให้กลับมาที่ Namecheap อีกที
หลังจากกดยืนยันในอีเมลไปแล้วแต่ยังขึ้น ALERT อยู่ก็ไม่ต้องตกใจ รอให้ระบบยืนยันให้ภายหลัง ทำสิ่งต่อไปได้เลย
ให้คุณกดไปที่ปุ่มตามลูกศรสีแดงด้านล่าง จากนั้นกด Manage
แล้วกด Advance DNS
ให้กดรูปถังขยะเพื่อทุกอย่างที่มีออกให้หมด
กด ADD NEW RECORD และเลือก A Record
ในช่อง host ใส่ @ ช่อง TTL เลือก Automatic
ส่วนช่อง Value เอาค่ามาจาก hosting ซึ่งมีสอนต่อด้านล่าง
4. นำ public ip มากรอกในช่อง Value
ตอนนี้เราต้องเอาตัวเลขจาก Hosting มากรอกลงในช่อง Value
ให้ท่านไปที่เว็บ Cloudways.com แล้วทำการ Login เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย
จากนั้นกดไปที่ www ตามรูปด้านล่าง
กดเลือก applications โดยชื่อจะเป็นตามที่ท่านเคยตั้งไว้ตอนสมัคร cloudways
เมื่อเข้ามาหน้านี้ ให้กดคัดลอก Public IP ไว้
จากนั้นนำกลับไปที่เว็บ Namecheap
นำ Public IP วางในช่อง Value
5. เพิ่ม Cname record
กดปุ่ม ADD NEW RECORD แล้วเลือก CNAME Record
จากนั้นกดปุ่มกาถูกสีเขียว
6. เปลี่ยน primary domain
หลังจากนั้นกด F5 หรือรีเฟรชหน้าเว็บ ระบบก็จะแจ้งให้เรารออัปเดตโดเมน
หลังจอรอสักพักก็จะเจอแบบนี้ ก็ให้เรากดไปที่ www ที่มีวงกลมส้มๆ
แล้วกดเลือก โดเมนของเรา
7. เชื่อมต่อสำเร็จ
ยินดีด้วยคุณติดตั้งเว็บเสร็จแล้ว
ไปที่ ADMIN PANEL แล้วกดไปที่ URL
ก็จะเจอหน้า login เพื่อเข้าไปแก้ไขปรับแต่งเว็บได้ตามต้องการ
ก็ให้ไปคัดลอก Username และ Password จากหัวข้อ ADMIN PANEL เพื่อเข้าไปแก้ไขเว็บได้เลย
นี้คือหน้าตาตอนเรา login เพื่อเข้ามาแก้ไขเว็บ มีเมนูต่างๆให้เราใช้มากมายซึ่งผมจะสอนในขั้นต่อไป
ขั้นตอนที่ 4
SSL ช่วยให้เว็บของเรามีความปลอดภัยในการส่งข้อมูลมากขึ้น ยิ่งเป็นเว็บขายของออนไลน์จำเป็นต้องมีอย่างยิ่ง เพื่อช่วยปกป้องเข้ารหัสและปกป้องข้อมูลสำคัญๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร หมายเลขบัตรเครดิต
SSL ย่อมาจาก Secure Sockets Layer เป็นเทคโนโลยีในการรักษาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัยและปกป้องข้อมูลสำคัญต่างๆที่ถูกส่งระหว่างสองระบบจากการอ่านและแก้ไขข้อมูล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ชื่อ ที่อยู่ และอื่นๆ โดยการเข้ารหัสระหว่างเว็บเซิร์ฟเวอร์และเบราว์เซอร์
หากคุณใช้โฮสติ้งกับ cloudways.com ก็สามารถติดตั้ง SSL ได้ฟรีโดยการกดไม่กี่คลิก แต่หากท่านใช้ hosting กับเจ้าอื่นอาจต้องเสียเงินเพิ่มค่า SSL ตั้งแต่ 300-10,000 บาทต่อปีครับ
จากนั้นกด Login และกรอกชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และเข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย
กดไปที่ www
กดเลือก APPLICATIONS ตามชื่อที่ท่านตั้งไว้
หลังจากเข้ามาก็ให้กดตามนี้
แล้วรอสักพักเพื่อให้ SSL ติดตั้ง
จากนั้นจะขึ้น ENABLE HTTPS REDIRECTION
ให้เรากด NOT NOW (หากไม่ขึ้นข้ามไปทำขั้นตอนต่อไปเลย)
และกด CLOSE
ที่หัวข้อ HTTPS REDIRECTION กดติ้กให้เป็น Enable
จะขึ้น CONFIRMATION ให้กด YES
ยินดีด้วยคุณติดตั้ง ssl certificate เสร็จเรียบร้อย ทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
ขั้นตอนที่ 5
หลังจากที่เราได้เว็บไซต์มาแล้วเราก็ควรปรับแต่งให้เว็บของเราทำงานได้ดีขึ้น
ซึ่งนี่ก็คือการตั้งค่าต่างๆที่คุณควรทำหลังจากติดตั้งเว็บเสร็จแล้ว
ผมได้เขียนบทความสอนแยกไว้แล้ว กดดูหัวข้อการตั้งค่าต่างๆที่ผมแนะนำได้เลย
ขั้นตอนที่ 6
นี่ก็คือขั้นตอนที่ทุกคนรอคอยซึ่งผมจะสอนทุกๆอย่างแบบละเอียดไม่ว่าจะเป็น
เทมเพลต (Template) คือหน้าเว็บตัวอย่างที่สร้างมาให้แล้ว เราสามารถนำมันมาปรับแต่งให้กลายเว็บของเราเองได้ ช่วยประหยัดเวลาในการออกแบบ และช่วยให้มือใหม่มีหน้าเว็บสวยๆ โดยที่ไม่ต้องเคยสร้างเว็บขายของออนไลน์มาก่อนเลยไปที่
1. ไปที่ Appearance → และกดที่ Theme
2. พิมพ์ในช่องค้นหาว่า astra จากนั้นกด Install แล้วรอสักครู่
3. แล้วกด Activate
4. ระบบจะแจ้งให้เราติดตั้ง starter templates ให้เรากด Get Started
5. จะปรากฏหน้า Select Page Buider ให้เรากดเลือก Elementor
6. จากนั้นให้กดที่เมนู All แล้วกดเลือก eCommerce
7. กดที่เมนู eCommerce แล้วเลือก Free
8. ทีนี้ก็จะปรากฏเทมเพลตเว็บขายของออนไลน์ให้เราได้เลือกใช้งานได้ฟรี ให้เรากดเข้าไปดูได้เลยว่าชอบเทมเพลตอันไหน
9. เมื่อคุณเลือกเทมเพลตที่ชอบได้แล้วก็กด Import Complete Site
10. กดติ้กถูกในช่อง Delete Previosly Imported Site → จากนั้นกด Import
แล้วรอให้ระบบติดตั้งเทมเพลตให้สักครู่
11. จากนั้นกด View Site
12. ยินดีด้วยติดตั้งเทมเพลตหน้าเว็บร้านขายของออนไลน์ของคุณสำเร็จแล้ว
ตอนนี้ร้านค้าของคุณมีหน้าเว็บ ได้แก่
หลังจากที่เราติดตั้งเทมเพลตให้เว็บก็จะมีสินค้าตัวอย่างมากมายลงขายให้เราดูเป็นตัวอย่าง เราก็ต้องไปลบสินค้านั้นออกให้หมดก่อน
1. เอาเมาส์ไปชี้ที่รูปเข็มไมค์รถตรงมุมซ้ายบน → จากนั้นกด Dashboard
(ต่อจากนี้ไปเราจะสอนแบบที่เป็นเมนูภาษาไทย หากท่านยังไม่เปลี่ยนภาษาไปอ่านหัวข้อการตั้งค่าเว็บไซต์ก่อน)
2. กดเลือกเมนู สินค้า → และเลือก สินค้าทั้งหมด
3. ติ้กกาถูกในช่องสี่เหลี่ยมด้านบนสุดเพื่อเลือกสินค้าทั้งหมด
จากนั้นตรงหัวข้อ Bulk actions → ให้กดเปลี่ยนเป็น ย้ายไปถังขยะ
สุดท้ายกด นำไปใช้
4. ต่อมาเราก็ต้องไปลบสินค้าในถังขยะอีกที
กดติ้กที่ช่องสี่เหลี่ยมแบบเดิม
จากนั้นตรงหัวข้อ Bulk actions → ให้กดเปลี่ยนเป็น Delete permanently
สุดท้ายกด นำไปใช้
เรียบร้อยตอนนี้เราลบสินค้าทิ้งหมดแล้ว ต่อไปก็ไปเพิ่มสินค้าของเรากันเลย
ทำต่อได้จากการลบสินค้าเลย
1. เริ่มแรกให้กดไปที่ เพิ่ม
2. จากนั้นทำการ ตั้งชื่อให้สินค้า และ ใส่รายละเอียดสินค้า ตามภาพ
3. การตั้งราคาสินค้า
ให้เลื่อนลงด้านล่างก็จะเจอกับตัวเลือกในการกำหนดราคาสินค้า
4. การใส่คำอธิบายอย่างสั้น
ก่อนหน้านี้เราได้ใส่รายละเอียดสินค้าไปแล้ว แต่จะมีเมนูให้เราเพิ่มคำอธิบายเพิ่มเติมแบบสั้นๆอีกที
ซึ่งนี่ก็คือความแตกต่างระหว่างคำอธิบายอย่างสั้นกับรายละเอียดสินค้า
5. การกำหนดหมวดหมู่ให้สินค้า
ไปที่ หมวดหมู่สินค้า → กด+เพิ่มหมวดหมู่ → พิมพ์ชื่อหมวดหมู่ตามต้องการ → กดเพิ่มหมวดหมู่
การกำหนดหมวดหมู่ของสินค้าช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าไปดูในหน้าหมวดหมู่สินค้าที่เขาสนใจได้ทีเดียวทุกๆชิ้นในหมวดหมู่เดียวกัน
เช่น หากคุณขายเสื้อสีส้มก็ให้คุณสร้างหมวดหมู่ เสื้อ
ต่อไปเวลาคุณเพิ่มเสื้ออื่นๆก็มากดเลือกหมวดหมู่เสื้อ สินค้าทั้งหมดที่เป็นเสื้อก็จะไปรวมอยู่ในหน้าเว็บเดียวกันทำให้แยกสินค้าที่จะขายได้และลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
6. การใส่รูปภาพสินค้า
ให้คุณเลื่อนลงด้านล่างก็จะเจอเมนูสำหรับกำหนดรูปภาพให้สินค้าซึ่งจะมี 2 แบบคือ
7. เผยแพร่สินค้า
หลังจากที่เราทำทุกอย่างข้างต้นเสร็จก็เผยแพร่สินค้าให้คนอื่นเห็นได้เลย
กดที่ Publish
จากนั้นกด ดูสินค้า เพื่อไปชมหน้าสินค้าของเรา
ยอดเยี่ยมเพิ่มสินค้าเสร็จแล้วนี่คือตัวอย่างหน้าเว็บสินค้าของเรา
หากคุณสังเกตภาพหน้าเว็บที่เราเพิ่มสินค้าเสร็จแล้วด้านบน สกุลเงินมันยังไม่เป็นบาทไทยเราก็ต้องไปเปลี่ยนมัน
1. เอาเมาส์ไปชี้ที่รูปเข็มไมค์รถตรงมุมซ้ายบน → แล้วกด หน้าควบคุม
2. ไปที่เมนู Woocommerce
กลับไปที่หน้าเว็บของสินค้าของเราแล้วกดรีเฟรชก็จะเห็นว่าสกุลเงินได้เปลี่ยนเป็นบาทและสลับตำแหน่งไปอยู่ฝั่งขวาตามที่เราตั้งค่าแล้ว
ตอนนี้ลูกค้ายังไม่สามารถซื้อสินค้าในเว็บของเราได้เนื่องจากเรายังไม่เพิ่มช่องทางในการชำระเงิน ดังนั้นให้เราไปเพิ่มก่อนทำดังนี้
ให้ไปที่ dashboard
1. จากนั้นเลือก WooCommerce → และกดที่ การตั้งค่า
ทีนี้ให้เราเลือกว่าจะเปิดช่องทางในการชำระเงินรูปแบบไหนบ้างซึ่งมันมีให้เลือก ได้แก่
คุณจะเปิดอันไหนไว้ก็ได้หรือเปิดทั้งหมดก็ได้เวลาจ่ายเงินลูกค้าก็จะกดเลือกช่องทางที่เขาสะดวกเอง
ซึ่งผมจะยกตัวอย่างการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารให้ดู
ไปที่หัวข้อ โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร → กดติ้กเปิดใช้งาน → กดติดตั้ง
2. การตั้งค่าโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
ตอนนี้เราทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้วลูกค้าสามารถซื้อของในเว็บของเราได้แล้ว แต่เราก็ต้องลองทดสอบระบบในการสั่งซื้อดูก่อนว่าใช้งานได้หรือไม่
1. ไปที่เมนูรูปบ้านมุมซ้ายบนแล้วกด เยี่ยมชมเว็บไซต์
กดที่ All Product และกดไปที่สินค้าของคุณอันไหนก็ได้
คัดลอก URL ของหน้าเว็บสินค้าของคุณไว้
ไปที่มุมจุดสามจุดมุมขวา (ของเบราเซอร์ google chome) จากนั้นกด หน้าต่างใหม่และไม่ระบุตัวตน
เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าตอนนี้คุณเปิดแอดมินเว็บอยู่หากกดสั่งซื้อมันก็จะซื้อในฐานะแอดมิน คุณอาจเปิดเว็บของคุณในมือถือเพื่อทดสอบแทนก็ได้
นำ Url ของเว็บมาวาง (สังเกตมุมขวาจะบอกว่าเราอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน)
กด หยิบใส่ตะกร้า
และกด ดูตะกร้าสินค้า
กด สั่งซื้อและชำระเงิน
ให้ลองกรอกข้อมูลเพื่อทดสอบสั่งซื้อสินค้าดูจากนั้นกด สั่งซื้อ
สั่งซื้อเรียบร้อยระบบจะแจ้ง
แบบนี้ถือได้ว่าเว็บขายของออนไลน์ของเราทำงานได้ดีแล้ว ต่อไปเราก็ต้องเข้าไปดูในอีเมลของแอดมินเว็บและของคุณสั่งซื้อดูว่าได้รับอีเมลแจ้งเตือนหรือไม่
นี่คืออีเมลแอดมินเว็บของผมได้รับแจ้งเตือนคำสั่งซื้อเรียบร้อย มีรายละเอียดบอกหมดตั้งแต่ซื้อสินค้าอะไร ลูกค้าชื่ออะไรที่อยู่ที่ไหน เบอร์โทรอะไร เราก็รอให้ลูกค้าแจ้งโอนเงินจากนั้นก็นำที่อยู่นี้ไปส่งสินค้าได้เลย
และนี่คืออีเมลของลูกค้า (ที่กรอกตอนทดสอบสั่งซื้อ) ก็ได้รับรายละเอียดคำสั่งซื้อ รายละเอียดบัญชีธนาคาร และรายละเอียดการแจ้งโอน
แบบนี้ถือว่าสำเร็จแล้ว เว็บของเรานำไปใช้งานขายของออนไลน์ได้จริงแล้ว
ขั้นตอนที่ 7
หลังจากที่เราจัดการกับการเพิ่มสินค้าและระบบจัดซื้อสินค้าเสร็จแล้ว ต่อไปก็เรียนรู้วิธีการปรับแต่งหน้าเว็บของเราให้สวยงามแหละเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้นตามที่เราต้องการ เช่น
ต่อไปเราก็ไปปรับแต่งหน้าเว็บของเรากันต่อดีกว่า เพราะตอนนี้หน้าตาเว็บของเรายังเป็นค่าเริ่มต้นตามที่เทมเพลตมีมาให้อยู่เลย
1. ไปที่หน้าเว็บที่เราต้องการแก้ไขเช่นไปที่หน้า Home → จากนั้นกด Edit with Elementor
กดไปยังตัวอักษรที่ต้องการแก้ไข จากนั้นพิมพ์ข้อความลงไปแทนได้เลย หรือพิมพ์ข้อความลงในช่องซ้ายที่เขียนว่า Title ก็ได้
หากอยากเปลี่ยนรูปแบบอักษรเช่น ขนาด สี ความหนา และอื่นๆ ให้ไปที่เมนู Style
ให้คุณกดไปที่รูปภาพที่ต้องการแก้ไข จากนั้นกด Choose image เพื่ออัปโหลดไฟล์รูปภาพที่ต้องการมาแทนที่ได้เลย
Tip : หากอยากปรับแต่งขนาดหรือรูปลักษณ์อื่นๆเช่นใส่กรอบให้ใช้เมนู Style
กดไปที่ปุ่มกดที่ต้องการแก้ไข จากนั้นตรงเมนูด้านซ้ายที่หัวข้อ Text ให้ใส่ข้อความที่ต้องการลงไป และในช่อง Link ให้ใส่ Url หน้าเว็บที่ต้องการให้ส่งคนไปเวลากด
Tip : หากต้องการปรับแต่งเช่น สี ขนาด ให้กดที่เมนู Style
ให้คุณเลื่อนไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการเปลี่ยนภาพพื้นหลังจากนั้นเอาเมาส์ไปชี้มันจะปรากฏเมนูสี่เหลี่ยม 6 อันดังภาพ ให้กดคลิก แล้วก็จะปรากฏเมนูที่ใช้ในการปรับแต่งพื้นหลังขึ้นมา ให้เรากด Choose Image เพื่ออัปโหลดภาพลงมาแทนที่รูปปัจจุบัน
ทำเหมือนกับตอนเปลี่ยนภาพพื้นหลัง แล้วเอาเมาส์ไปชี้ที่รูปพื้นหลัง
จากนั้นกดรูปถังขยะเพื่อลบรูปทิ้ง แล้วไปที่เมนู Color แล้วเลือกสีที่ต้องการให้เป็นสีพื้นหลังตามชอบ
ให้คุณกดไปยังตำแหน่งของสิ่งที่คุณไม่ต้องการ จากนั้นจะเจอรูปดินสอสีฟ้าตามภาพให้กดคลิกขวา
แล้วกด Delete เพื่อลบทิ้งได้เลย
หรือหากอยากลบทิ้งทีเดียวหลายๆอันให้กดที่เมนู X ตามภาพ เพื่อลบทุกอย่างในกล่องสีฟ้าทิ้งทั้งหมด
หากคุณไม่ชอบสิ่งที่เทมเพลตมีให้คุณอาจลบมันทิ้งไปบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้ จากนั้นก็เพิ่มสิ่งต่างๆที่คุณต้องการด้วยตัวเอง เช่น รูปภาพ ตัวหนังสือ หัวข้อ ปุ่มกด และอื่นๆอีกมากมาย
ให้คุณไปที่เมนูทางด้านซ้าย เลือกสักอันที่คุณต้องการ เช่น Image (รูปภาพ) จากนั้นลากมันมาวางลงในด้านขวา โดยจะให้มันอยู่บนหรือล่างคุณก็ลากเพื่อกำหนดตำแหน่งมันได้หมดตามชอบ
หลังจากปรับแต่งหน้าเว็บเสร็จแล้วให้กด UPDATE
แล้วกดที่ขีดสามขีดมุมซ้ายบน
จากนั้นกด View Page เพื่อชมหน้าเว็บของคุณได้เลย
แล้วถ้าอยากปรับแต่งหน้าเว็บอื่นล่ะ ?
ก็ทำได้ง่ายๆเพียงกดไปที่หน้าเว็บที่คุณต้องการแก้ไขจากนั้นกด Edit with Elementor
1. กดที่เมนู ปรับแต่ง
2. เอาเมาส์ชี้ที่รูปโลโก้แล้วกดที่รูปดินสอตามภาพ
3. กดที่เมนู เปลี่ยนโลโก้ จากนั้นอัปโหลดภาพ logo ของเว็บตามต้องการได้เลย
ให้คุณย้อนกลับไปหน้าแรกก่อน (ทำต่อจากเปลี่ยนโลโก้)
จากนั้นกด เมนู
แล้วเลือก Main menu
คุณก็จะเจอกับเมนูทั้งหมดของเว็บ
ขั้นตอนที่ 8
hosting จะให้เราทดลองใช้งานได้ฟรีเพียง 3 วัน แต่ไม่ต้องกังวลให้เรากดอัพเกรดมันก่อนที่จะครบ 3 วันเพื่อให้เว็บของเรายังทำงานต่อไปได้ (เพราะหากไม่มี hosting เว็บของเราก็ล่มและเข้าไปใช้งานไม่ได้)
กดไปที่ UPGRADE MY ACCOUNT
Billing Details
จากนั้นกด AUTHORIZE
เรียบร้อยกรอกข้อมูลถูกต้องจะเจอหน้าแบบนี้
ไปที่เมนู Funds ท่านก็จะพบว่าเราได้รับเงินมาใช้งาน hosting ฟรีจำนวน 30 ดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว
สรุป
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับบทความนี้ ยังมีวิธีการอื่นๆมากมายในการปรับแต่งเว็บขายของออนไลน์ของเราให้ทำงานได้ดีและช่วยให้เราขายสินค้าได้ดีขึ้น รอติดตามเนื้อหาต่างๆกันได้ในเว็บของผมเลยครับ หากสงสัยอะไรก็สามารถทักไลน์มาสอบถามได้นะครับหรือคอมเมนต์ทิ้งไว้ในนี้ก็ได้